ทริปเที่ยวภูเก็ต 3วัน2คืน ในงบ 6 พันบาท

Last updated: 19 ก.ค. 2565  |  12410 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ทริปเที่ยวภูเก็ต 3วัน2คืน ในงบ 6 พันบาท

         

 

 
          ฟูเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิไปลงยังสนามบินภูเก็ตในรอบ 7 โมงเช้า ก็ถึงที่สนามบินภูเก็ตตอนประมาณ 8.30 น. แผนทริปเที่ยวครั้งนี้ฟูได้วางแผนเที่ยวโดยใช้งบประมาณ ดังนี้

DAY 1 :
- กินบักกุ๊ตเต้ ร้านเทียนเหล็ง   คนละ 125  บาท
- วัดท่าไทร (พังงา)
- เสม็ดนางชี (พังงา)  คนละ 100 บาท
- ร้านอาหารตาทวย  คนละ 265 บาท
-  MA DOO BUA  คนละ 165 บาท
- Wyndham Grand Phuket Kalim Bay  คนละ 1,010 บาท/2คืน

DAY 2 :
เล่นน้ำที่ห้อง
15.00-20.00 ท่าเรืออ่าวฉลอง ล่องเรือยอร์ช ดูพระอาทิตย์ตกดิน (แหลมพรหมเทพ)  คนละ 1,200 บาท

DAY 3 :
8.00-17.00 ท่าเรือซีสตร้า แหลมงา ภูเก็ต (ทัวร์เกาะพีพี + เกาะไข่ พรีเมี่ยมทริป Sea Star ฟรี!! กิจกรรมแพดเดิลบอร์ดเล่นในปิเละลากูน)  คนละ 1,300  บาท + เรือหางยาวคนละ 250 บาท
17.30 ตึกโบราณสถาปัตยกรรมแบบชิโน-ยูโรเปียน
18.00-19.00 กินข้าวระย้า คนละ 250 บาท
20.00  ถึงสนามบินภูเก็ต

-ค่าเช่ารถ+น้ำมัน คนละ 900 บาท
-ค่าตั่วเครื่องบินไปกลับกทม-ภูเก็ต 1,200 บาท
รวมงบประมาณทั้งหมด  6,765 บาท

                เมื่อถึงสนามบินภูเก็ตกันแล้ว วันแรกของการเดินทางฝนก็ตกซะแล้ว วันนี้ฟูเลยจะพาไปเน้นกิน!! กิน!! กิน!! กันดีกว่า ร้านเด็ด ร้านดังในภูเก็ต ร้าน MICHELIN ฟูจะพาไปแนะนำแน่นอน ถือว่าวันนี้ฝนตกปรอยๆๆ ต้อนรับการเดินทางมาภูเก็ตล่ะกัน แหม!! คนในพื้นที่แอบบอกว่า หลายสัปดาห์ฝนไม่ยอมตก พึ่งมาตกวันนี้วันแรก อะไรกัน!! ฝนจะต้อนรับฟูดีกันขนาดนี้ แต่ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้ตกได้นะ แต่ของวันพรุ่งนี้และวันมะรืออย่าตกล่ะกันนะ ขอร้อง!! Please!!! เพราะฟูจะออกทะเล ฝนตกไม่ได้น่ะ ไม่งั้นงานกร่อยแน่ๆๆ อีกอย่างฟูเคยมาภูเก็ตแล้วจะออกทะเล ฝนดันตก พายุดันเข้า ก็อดกันออกทะเลเลย มาคราวนี้จะพลาดอีกไม่ได้นะจ๊ะ

             อ้าวล่ะ!!! เดินทางไปกินบักกุ๊ตเต๋กันเลยดีกว่า

            บักกุ๊ดเต๋ เทียนเหล็ง อร่อยที่สุดในเมืองมนุษย์

                แค่ชื่อร้านก็น่าจะอยากไปลิ้มลองซะแล้ว ดูว่าจะอร่อยที่สุด ของที่สุดหรือเปล่า

                ร้านนี้มีบักกุ๊ดเต๋ราคาตั้งแต่ 300 บาท จนถึงหลัก 1000 บาท

  ฟูขอแค่ชาม 500 บาทก็พอ แค่ 500 บาทแต่ชามใหญ่มาก ๆ พอสำหรับกินกันทุกคนเลย บักกุ๊ดเต๋ เทียนเหล็ง ร้านนี้ได้ MICHELIN ปี 2021 ด้วยนะ และเห็นบอกว่าปีนี้ได้ MICHELIN 2022 ด้วยเช่นกัน พิกัดอยู่ที่นี้เลยจิ้ม!!



                ร้านนี้ฟูก็แนะนำเลยอาการที่ง่วงนอนตอนเช้า มึนหัวจากการเมาเครื่องบินนี่หายเป็นปลิดทิ้ง อาจเพรากินอะไรร้อน ๆ ด้วยแหละทำให้ตื่นทันที แต่ขอบอกร้านนี้หมูนุ่มจัง หมูไม่เหนียว พอฟูกัดนี่ขาดง่ายมาก ซึ่งฟูรู้มาว่าบักกุ๊ดเต๋ที่นี้เป็นสูตรมาเลเซีย และขอบอกอร่อยมากเช่นกัน ฟูให้คะแนนเลย 8 เต็ม 10 ค่ะ

                เดินทางต่อไปยังวัดท่าไทร ใช้เวลาขับรถเพียง 15 นาทีก็ถึงแล้วนะ พิกัดอยู่ที่นี้เลยจิ้ม!!

                วัดท่าไทรนี้ฟูเคยมาภูเก็ตครั้งที่แล้ว คนท้องถิ่นได้แนะนำฟูว่าต้องมานะ เพราะเป็นวัดที่น่ารักมากและอยู่ติดริมทะเลด้วย อ้าวล่ะจ๊ะครั้งที่แล้วฟูพลาด มาใหม่ครั้งนี้ล่ะกันน่ะ พอไปถึงวัดก็น่ารักจริงๆด้วยแหละ บรรยากาศก็แสนชิลริมชายทะเล เสียงคลื่นธรรมชาติที่โหมกระหน่ำ วันนี้ดูเหมือนคลื่นแรงไปหน่อย แต่น้ำทะเลก็สีสวยดีนะ ท้องฟ้าครึ้มๆๆนิดหน่อย อาจเพราะฝนตกๆๆหยุดๆๆ แต่เงียบสงบดี เพราะไม่มีคนเลยนะ ถ้าเอาเสื่อมาปูนั่งชิลๆๆนี่ได้เลยนะ สำหรับคนชอบความสงบไม่วุ่นวาย เอาล่ะเพลิดเพลินพอและก็มาไหว้พระกันดีกว่า



                วัดท่าไทร หรือมีอีกชื่อหนึ่งนะ เรียกว่า วัดเทสก์ธรรมนาวา วัดนี้ตั้งอยู่ในพังงานะ



          วัดแห่งนี้นอกจากความน่ารักของโบสถ์และบรรยากาศที่แสนชิลริมฝั่งทะเลแล้ว วัดท่าไทรยังมีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยโบสถ์ไม้สักริมทะเลหนึ่งเดียวในภาคใต้ ด้วยงานแกะสลักฝีมือช่างจากอยุธยาอันประณีต เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ ปรมัตถบารมี 10 ซึ่งเป็นการบำเพ็ญบารมีชั้นสูง



                แต่ถึงแม้ว่าเราจะเห็นโบสถ์ที่มีความน่ารักโดดเด่นแบบนี้นะคะ ทราบหรือไม่คะว่าสมัยก่อนพื้นที่แห่งนี้เป็นชาวบ้านหวาดกลัวมากโดยเฉพาะในเวลาพลบค่ำ จะต้องรีบออกจากบริเวณนี้ทันที เนื่องจากเชื่อกันว่าเป็นพื้นที่อาถรรพ์ ซึ่งสมัยก่อนมีพื้นที่ตรงนี้แห่งเดียวเท่านั้นที่ไม่สามารถทำเหมืองแร่ได้ และยังเคยเป็นป่าช้ามาก่อน หรือเรียกว่า “ป่าท่าไทร” เนื่องจากในอดีตชาวบ้านจะนำศพล่องเรือมาเผาหรือฝังในป่าท่าไทร และชาวบ้านจะเรียกว่า แอ่งน้ำในป่าช้า

           แหม!! ได้ยินแบบนี้ก็อย่าพึ่งกลัวไปนะคะ วัดค่อนข้างจะเงียบสงบออกนะ แถมใครอยากได้รูปสวย ๆ ก็มานั่งถ่ายรูปภายในโบสถ์ได้ ถ้าเปิดหน้าก็จะเห็นวิวทะเลเลยค่ะ จะมีวัดที่ไนที่อยู่ในโบสถ์และเห็นทะเลด้วย รับรองได้รูปสวยไม่เหมือนใครแน่ๆ แต่แอบเสียดายวันนี้หน้าต่างปิด อาจเพราะฝนตก เลยไม่มีรูปสวยๆกับเค้าเลย

            เดินทางต่อไปยัง เสม็ดนางชี ใช้เวลาประมาณเกือบ 1 ชั่วโมงแหนะ  ฟูเลือกไปชมวิวที่ เสม็ดนางชี บูทิค รีสอร์ท พิกัดอยู่ที่นี้เลยจิ้ม!! ที่นี้มีคาเฟ่ และมุมถ่ายรูปสวยๆด้านบนด้วยนะ ขอบอกที่นี้ฟูแนะนำเลย จะได้รูปสวย ๆ มุมสวย ๆ เยอะมาก สำหรับคนชอบถ่ายรูป และชมวิวสวยๆนะ ก่อนอื่นเมื่อเรามาถึงกันแล้ว ก็ต้องซื้อตั๋วรถสองแถวราคา 50 บาท เค้าจะพาเราขับไปยังคาเฟ่ ซึ่งระหว่างทางมันชันมาก ต้องเกาะให้ดีดีนะ ไม่งั้นตกแน่ๆ


ถึงแล้วก็เดินบันไดขึ้นไปอีกนิดไปยังบริเวณคาเฟ่ ขอบอกว่าวิวข้างบนสวยมาก หลายคนแอบสงสัย เสม็ดนางชี บูทิค รีสอร์ท ชื่อนี่มันก็ต้องเป็นรีสอร์ทดิ ใช่ค่ะ!! มันเป็นรีสอร์ท ซึ่งที่นี้มีห้องให้เลือกพักทั้งแบบห้องธรรมดา จนถึงห้องมี Pool villa ด้วยนะ ซึ่งห้องแบบ Pool villa ที่นี้สวยมาก แต่ไม่ว่าห้องแบบไหนก็สามารถเห็นวิวเสม็ดนางชีได้หมด เป็นวิวเดียวก็จริง แต่เป็นวิวเดียวที่สวยมากค่ะ แต่ที่นี้ก็จะเปิดคาเฟ่ให้คนข้างนอกเข้ามาด้วยนะ



เอาล่ะ!! มาดูคาเฟ่กันดีกว่า ก็มีทั้งขนม นม เนย อาหาร แต่ขอบอกราคาค่อนข้างสูงนะ แต่ค่าตั๋วรถสองแถวที่เราซื้อมาสามารถเอามาเป็นส่วนลดได้ ถ้าจำไม่ผิดทุก 200 บาทจะลดได้ 30 บาทนะ แต่จะลดอีกกี่รอบก็ได้นะ ไม่จำกัดเลย


Take View กันจุใจแล้ว ก็เดินทางไปกินกันต่อที่ ร้านอาหารตาทวย พิกัดอยู่ที่นี้เลยจิ้ม!!

         ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาทีเท่านั้น ร้านอาหารตาทวยเป็นร้านอาหารที่คนท้องถิ่นแนะนำฟูเช่นกัน ฟูเคนมากินอาหารที่นี้ครั้งหนึ่ง และถูกใจมากๆ โดยเฉพาะยำสาหร่าย สด สะอาด อร่อยมาก  เคยไปกินสาหร่ายหลายที่ก็ไม่อร่อย ไม่สดเท่านั้น แถมยังทั้งคราว และเปรี้ยวมาก วันนี้ฟูเลยมากินอีกครั้งแล้วจะรีวิวซะหน่อยล่ะ

ขอบอกร้านอาหารตาทวย ได้ MICHELIN 3 ปีซ้อนเลยนะ แหม!! รางวัลการันตรีขนาดนี้จะไม่อร่อยได้ไงล่ะกัน



เมนูแรกมาเลยต้องสั่ง ยำสาหร่าย อันนี้ฟูบอกไปแล้วว่าที่นี่ทั้งสด ทั้งสะอาด อร่อยมาก คลุกเคล้าด้วยน้ำยำรสแซ่บเข้ากันได้ดี การันตรีเลย



จริงๆแล้วฟูอยากสั่งอีกเมนูหนึ่งคือ ยำดอกอัญชัน เคยมากินอร่อยมาก แต่วันนี้หมดแล้ว ก็อดไปค่ะ

เมนูต่อไปคือกุ้งผัดพริกเกลือ โอโห้!! กุ้งตัวใหญ่ น้ำราดไม่หวานจนเกินไป มีความมันหอม และอร่อยกลมกล่อมค่ะ



แกงกะทิเนื้อปู ก็หอมอร่อยกำลังดี และปลาอินทรีย์ทอดน้ำปลา

ซึ่งทั้งหมดราคาเพียง 1,045 บาทเท่านั้นค่ะ สำหรับร้านอาหารตาทวยรสชาติกับราคาคุ้มค่า ฟูให้คะแนน 9 เต็ม 10 ค่ะ

อิ่มอร่อยกันแล้วก็เดินทางต่อไปยัง Ma Doo Bua มาดูบัว ภูเก็ต พิกัดอยู่ที่นี้เลยจิ้ม!! ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาทีเท่านั้น ที่ฟูอยากมาที่นี้เพราะเห็นได้รูปสวยๆกันทั้งนั้นเลย แหม!! เราก็ชอบถ่ายรูปจะให้พลาดได้ไงล่ะ

ร้านอาหาร Ma Doo Bua มาดูบัว จะเป็นบัววิคตอเรีย ซึ่งฟูเคยให้ความรู้เกี่ยวกับวิคตอเรียไปแล้ว ถ้าใครอยากรู้ว่ากว่าจะปลูกเป็นต้นใหญ่ขนาดนี้ได้ไงก็จิ้มเลยค่ะ ส่วนสำหรับที่นี้ก็มีบริการถ่ายรูปกับบัววิคตอเรีย และถ่ายบนเรือด้วยนะคะ แต่ฟูว่าราคาค่อนข้างแพงไปนิดหนึ่ง ตามราคาข้างล่างเลยค่ะ



มาดุเมนูบ้างดีกว่า เมนูร้านอาหารที่นี้ก็ไม่ค่อยเยอะนะคะ แถมรู้สึกว่าราคาเอาเรื่องเลย แต่ว่าเรากินกันอิ่มแล้วจากร้านอาหารตาทวย ก็ได้แต่สั่งแต่เครื่องดื่มมากินดีกว่า



ถึงเวลาถ่ายรูปท่ามกลางฝนตกแล้วเรา ฝนตกแค่ไหนก็ไม่กลัว ขอมีรูปสวยๆเป็นพอค่ะ

เอาล่ะสำหรับความเห็นของฟูนะคะ ที่นี้ก็เหมาะกับถ่ายรูปสวย ๆ แต่ถ้ารสชาติอาหารก็ปานกลางไปนิด น่าจะเหมาะกับรสปากคนต่างชาติมากกว่าค่ะ และราคาก็ค่อนข้างสูงทีเดียวค่ะ

กินกันจุใจกันแล้วก็เดินทางต่อไปยังโรงแรม ซึ่งฟูพักที่ Wyndham grand phuket kalim bay ขอบอกว่าฟูพักที่นี้คืนละ 1000 บาทเท่านั้น เป็นโรงแรม 5 ดาวและมี Private pool ด้วยค่ะ ทุกห้องเห็นวิวทะเลหมด อยากรู้สวยงามขนาดไหน ติดตามกันต่อบล็อกหน้าค่ะ

บทความเกี่ยวข้อง

พักโรงแรม 5 ดาวคืนละ 1000 Pool villa+Sea view
นั่งเรือยอร์ทชมพระอาทิตย์ตกดิน จุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดในภูเก็ต
เที่ยวเกาะพีพี ปิเละ เกาะไผ่ อ่าวมาหยา ถ้ำไวกิ้ง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้