Last updated: 19 ก.ค. 2565 | 2842 จำนวนผู้เข้าชม |
เที่ยวเกาะพีพี อ่าวปิเละ อ่าวมาหยา เกาะไผ่ ถ้ำไวกิ้งด้วยเรือ speed boat
วันสุดท้ายของการเที่ยวภูเก็ต ฟูก็จะไปออกทะเลกันอีกครั้ง ซึ่งตอนแรกได้จองแพ็กเกจเที่ยวเกาะพีพี อ่าวปิเละ อ่าวมาหยา ในราคา 1,300 บาทต่อคน ท่าเรือที่ฟูขึ้นคือ ท่าเรือแหลมหงา บริเวณท่าเรือของบริษัท Seastar อยากบอกว่าไปถึงมีอาหาร ขนม นมเนยเตรียมไว้สำหรับกินตอนเช้าระหว่างรอเยอะมากค่ะ ใครที่ยังไม่ได้ทานข้าวนี้กินได้อิ่มจุใจเลย แต่ฟูกินข้าวมาจากโรงแรมเรียบร้อยแล้วค่ะ เพราะที่โรงแรมที่ฟูพักนั้นอาหารเช้าเยอะและหลากหลายมากค่ะ ถ้าอยากรู้โรงแรมอะไรจิ้มได้เลยค่ะ ขอบอกpoolvilla+seaviewในราคา 1000 บาทเท่านั้น
ท่าเรือ Seastar นี้นอกจากจะเตรียมอาหารให้ทานแบบฟรี ๆ แล้ว ยังมีของขายที่อาจจำเป็นสำหรับการดำน้ำครั้งนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นรองเท้ากันหอยเม่น เสื้อผ้า ถุงกระเป๋ากันน้ำ ซองเคสมือถือ รวมถึงให้เช้าผ้าเช็คตัว และกล้อง gopro สำหรับถ่ายใต้น้ำด้วยนะคะ สำหรับใครที่ไม่มี ไม่ได้เอามา ก็มาเช่าได้ คุณจะได้ไม่พลาดในการเก็บความสวยงามใต้ท้องทะเลกัน
เมื่อใกล้ถึงเวลาออกเดินทาง ซึ่งเค้าจะให้เราไปถึงก่อน 8.30 น. และเตรียมออกเดินทางประมาณ 9 โมงเช้า แต่ก่อนที่จะออกเดินขึ้นเรือ speed boat กัน จะมีเจ้าหน้าที่เป็นทั้งไกด์และผู้นำในทริปนี้จาชี้แนะรายละเอียดในจุดต่าง ๆ ที่จะนำเราไปว่าไปที่ไหนบ้าง และต้องระวังอะไรบ้าง ซึ่งอยากที่ทราบกันว่าฟูต้องไปเกาะไข่ (Koh Khai) แต่วันนี้ทางบริษัทอัพเกรดโปรแกรมให้ฟูไปเกาะไม้ไผ่แทนค่ะ ปกติไปเกาะไม้ไผ่จะแพงกว่า เนื่องจากวันนี้คนไปเกาะไข่กันเยอะ แล้วอาจไม่เพียงพอต่อจำนวนคน เนื่องจากเกาะไข่เป็นเกาะเล็ก ๆ ในเกาะไข่จะบาร์เยอะมาก เค้าเลยพาไปเกาะไผ่แทนที่มีความสวยงาม และน้ำใสมากกว่า แต่เอ๊ะ!! จริงๆฟูก็ไม่แน่ใจว่าระหว่างเกาะไม้ไผ่กับเกาะไข่ อันไหนสวยงามกว่ากัน แต่ทางเจ้าหน้าบอกว่าเกาะไม้ไผ่สวยกว่า เราก็เชื่อตามเค้า555+++ นั่นไปเกาะไม้ไผ่ (bamboo island)ก็ได้ค่ะ
เมื่อขึ้นเรือ speed boat กันแล้วจุดแรกเลย ทางไกด์จะพาเราไปเกาะไม้ไผ่ (bamboo island)
เมื่อถึงเกาะไม้ไผ่ (bamboo island)แล้ว จะให้เวลาเราประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ สามารถทำอะไรก็ได้ที่นี้ ไม่ว่าจะเป็นดำน้ำดูปะการัง หรือถ่ายรูปบนเกาะสวยๆๆ ก็ได้ แต่ฟูขอแค่เดินเล่นและถ่ายรูปแค่นี้ก่อน เพราะจุดต่อไปจะไปอ่าวปิเละ (Pileh Lagoon) ซึ่งอยากยังสวยอยู่ก่อนไปถ่ายรูปที่อ่าวปิเละ (Pileh Lagoon) ค่ะ
ขอบอกว่าน้ำทะใสและสวยมากค่ะ
เดินทางกันต่อไปยังเกาะพีพีเล (Ko Phi Phi Lee) เป็นเกาะเล็กๆที่สวยมาก ซึ่งไปชมอ่าวปิเละกันค่ะ
อ่าวปิเละ(Pileh Lagoon) สระว่ายน้ำกลางทะเลที่สวยติดอันดับโลก ความพิเศษของอ่าวปิเละที่มีความแตกต่างจากจุดอื่น คือน้ำทะเลในด้านในอ่าว และนอกอ่าวที่แตกต่างกัน ไม่ใช่ว่าจะสามารถเข้าชมข้าวในอ่าวได้ทุกวันนะ เพราะในช่วงที่น้ำลงบริเวณปากอ่าวจะไม่มีน้ำเลย ทำให้เรือไม่สามารถเข้าไปได้ จึงสามารถเข้าได้เฉพาะช่วงน้ำขึ้นเท่านั้น ซึ่งวันที่ฟูไปอ่าวปิเละจะเข้าไปได้เฉพาะช่วงเช้าเท่านั้นค่ะ เพราะช่วงบ่ายน้ำจะลงแล้ว ทางเจ้าหน้าที่เลยต้องรีบพามาอ่าวปิเละก่อน ไม่งั้นคงไม่ได้เข้าแน่ ๆ
และในช่วงที่น้ำขึ้น ปากอ่าวจะมีน้ำสูงเพียง 1 เมตรเท่านั้นค่ะ แต่น้ำในอ่าวปิเละจะลึกมากค่ะ ลึกถึง 10 เมตรทีเดียว เนื่องจากชาวบ้านสันนิษฐานว่าในสมัยก่อนน่าจะเคยเป็นบ่อภูเขาไฟใต้น้ำ ซึ่งจะเป็นหน้าผาลึกมาก และน้ำในอ่าวปิเละมีความพิเศษอีกประการหนึ่ง คือน้ำในอ่าวจะเค็มมาก เค็มเป็นพิเศษ ซึ่งเค็มกว่าน้ำนอกอ่าว และความเค็มนี้จะช่วยดันเราให้ลอยตัวขึ้นมาและว่ายน้ำง่ายขึ้น โดยไม่ต้องกลัวจมเท่าไหร่ค่ะ สำหรับคนว่ายน้ำไม่แข็งมากและต้องการเล่นน้ำ
มาถึงอ่าวปิและ ทางเจ้าหน้าที่ก็จะปล่อยให้เราเล่นน้ำในอ่าวกัน โดยสามารถกระโดดจากท้ายเรือได้เลย แต่ฟูจองเรือหางยางไว้ เพื่อจะนั่งเรือหางยาวไปถ่ายรูปสวยๆ บริเวณปากอ่าวกัน โดยค่าเรือหางยาวคนละ 300 บาท แต่ถ้าต้องการเหมาเรือจะราคา 1,500 บาทสามาถนั่งได้ 6 คน แต่ฟูก็ใช้วิธีหาคนให้ครบ 6 คนแล้วเหมาเรือกัน มันก็จะสามารถประหยัดขึ้นโดยตกคนละ 250 บาทค่ะ
นี่วิวสวยมาก ๆ เลย มุมนี้เป็นมุมยอดฮิต ที่ดังใน Tiktok ด้วยนะ
ถ่ายรูปและชมอ่าวเรียบร้อย ก็มาเล่นน้ำกันเลยดีกว่า ทางเรือมีฟรีแพดเดิลบอร์ดให้เล่นด้วยนะ
ต่อไปก็ไปเกาะลิงกัน
เกาะลิง จะมีลิงอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นลิงแสมหางยาว และไม่ได้กินกล้วย เพราะที่เกาะพีพีดอนไม่มีต้นกล้วยเลย อาหารหลักของลิงจึงเป็นปลา และปูเป็นส่วนใหญ่
จากนั้นไปกินข้าวแถวเกาะพีพีดอน (Ko Phi Phi Don) ซึ่งเป็นเรือ Diving กลางทะเล เราก็ต้องขึ้นจากเรือ speed boat มาบนเรือ Diving กัน ซึ่งอาหารบนเรือจะเป็นแบบบุฟเฟต์ค่ะ ไม่มีหมูนะคะ
จุดหนึ่งที่จอดคือ ถ้ำไวกิ้ง (Viking Cave)
ถ้ำไวกิ้ง (Viking Cave) สถานที่ที่ถูกค้นพบโดยนักเดินเรือชื่อ Captain Cook ในถ้ำแห่งนี้ยังมีภาพเขียนโบราณเก่าแก่อายุหลายร้อยปี ซึ่งถ้ำนี้จะมีนกนางแอ่นไปทำรังเยอะมาก จึงเกิดเป็นสัมปทานของบริษัทแบรนด์สก็อต และได้ส่งคนเฝ้ารังนกมาอยู่ที่ถ้ำ เพราะรังนกเป็นรังนกเกรดเอมีมูลค่าถึงกิโลละ 1 แสนบาททีเดียวค่ะ
หลังจากนั้นทางเรือจะพาไปดำน้ำที่เกาะพีพี(Ko Phi Phi) กัน ซึ่งเป็นเกาะสวยงามติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก เพื่อชมความสวยงามในโต้ท้องทะเล ซึ่งจะมีอุปกรณ์ดำน้ำให้นะคะ
แต่ที่เกาะพีพีหอยเม่นเยอะมาก ระวังโดนกันนะคะ ซึ่งใครโดนเข้าไปแล้วจะเจ็บปวดมาก และไปหาหมอก็ไม่สามารถเอาออกมาได้ด้วย แต่มันจะสลายไปเองในเวลา 1-2 วันค่ะ ซึ่งหากใครกลัวก็จะต้องซื้อรองเท้ากันหอยเม่นนะคะ อาจกันได้ส่วนหนึ่ง แต่เคยถามึนขายแล้ว เค้าก็บอกว่าไม่ค่อยกันได้เท่าไหร่
หลังจากนั้นก็ไปยังอ่าวมาหยา ซึ่งทางเรือจะไปจอดบริเวณด้านหลังอ่าวมาหยา และเดินไปยังหน้าอ่าวมาหยาด้วยการเดินเพียง 5 นาทีค่ะ
อ่าวมาหยา (Maya Bay) จะเป็นอ่าวที่เคยถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “The beach” แต่ก่อนอ่าวมาหยาสามารถเข้าไปบริเวณด้านหน้าอ่าวได้ แต่หลังจากที่อ่าวมาหยาปิดเกาะไปเป็นเวลา 3 ปี ทำให้มีฝูงปลาและปลาฉลามหูดำเข้ามาอยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก ซึ่งปลาฉลามหูดำเป็นปลาอนุรักษ์ จะเป็นปลาตัวเล็กๆ ไม่กัดคน และมีครีบสีดำ ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตเข้าบริเวณหน้าอ่าวแล้ว และไม่อนุญาตให้ลงเล่นน้ำที่อ่าว สามารถลงน้ำทะเลได้ไม่เกินหัวเข่าเท่านั้น เพราะมีตำรวจเฝ้าอยู่ และจะปรับ 5000 บาทถ้าฝ่าฝืนกฎ
จบทริปครั้งนี้เดินทางโดยสวัสดิภาพ สามารถดูบทความอื่นๆ ที่เกี่ยวกับเที่ยวภูเก็ตได้ข้างล่างเลยค่ะ
บทความเกี่ยวข้อง
พักโรงแรม 5 ดาวคืนละ 1000 Pool villa+Sea view
ทริปเที่ยวภูเก็ต 3วัน2คืนในงบแค่ 6000 บาท นอนpoolvilla+Seaview กินอาหารมิชลิน
23 มิ.ย. 2563