10 สถานที่ท่องเที่ยวในเกาะคิวชู

Last updated: 5 มิ.ย. 2562  |  1394 จำนวนผู้เข้าชม  | 

10 สถานที่ท่องเที่ยวในเกาะคิวชู

10 สถานที่ท่องเที่ยวในเกาะคิวชู

            เกาะคิวชูเป็นเกาะใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของประเทศญี่ปุ่น

บ่อน้ำพุนรกในเมืองเบปปุ

                เมืองเบปปุ ในจังหวัดโออิตะ (Oita) เป็นเมืองที่ได้ขึ้นชื่อบ่อน้ำพุร้อนซึ่งมีความโดดเด่นและแตกต่างกันไป โดยเฉพาะบ่อน้ำพุนรกในเขต Kannawa ไม่ว่าจะเป็นบ่อนรกสีขาว (Shiraike Jigoku)  บ่อทะเลเดือด (Umi Jigoku) หุบเขาปีศาจ (Oniyama Jigoku) บ่อนรกกระทะทองแดง (Kamodo Jigoku) บ่อโคลนเดือด (Oniishbozu Jigoku) และบ่อน้ำพุร้อนในเขต Shibaseki เช่น น้ำพุนรก (Tatsumaki Jigoku) และบ่อสีเลือด (Chinoike Jigoku) สำหรับการเดินทางสามารถนั่งรถบัสสาย 2,5,7,9 หรือ 41 จากสถานี Beppu ทางออก West Exit ลงป้าย Umi Jigoku หรือ Kannawa หรือลงป้าย Chinoike Jigoku



ปราสาทคุมาโมโตะ (Kumamoto Castle)

                ปราสาทคุมาโมโตะ หรือ “กินนันโจ” เป็นปราสาทเก่าแก่อายุกว่า 400 ปี ซึ่งอยู่ในเมืองคุมาโมโตะ นับว่าเป็นปราสาทขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของญี่ปุ่น ซึ่งสร้างเสร็จสมบูรณ์ในค.ศ. 1601 โดยคาโตะ คิโยมาสะ ซึ่งปราสาทแห่งนี้มีโครงสร้างของปราสาทเป็นกำแพงหินอิชิกาคิ และรูปทรงมีความโค้งเว้าแตกต่างจากปราสาทอื่นๆ ในอดีตปราสาทนี้เคยมีป้อมปราการ 49 หลัง ช่องทางเข้าสู่ปราสาท 29 ประตู แต่ในปัจจุบันนั้นเหลือเพียง 5 ประตูเท่านั้น เนื่องจากถูกกบฏซัทสึมะ (Satsuma) ทำลายในช่วงสมัยเมจิ นอกจากนี้ บริเวณรอบๆของปราสาทยังมีซากุระจำนวนมากที่สวยงามให้ชมทัศนียภาพกันค่ะ สำหรับการเดินทางมายังปราสาทคุมาโมโตะนั้น สามารถรถบัส Castle Loop Bus ลงป้าย 5 (Kumamoto Castle)



ภูเขาไฟอาโสะ (Mount Aso)

                ภูเขาไฟอาโสะ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูเขาไฟอาโสะ-กูจู ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก อีกทั้งยังมีความงดงามเป็นอันดับต้นๆในประเทศญี่ปุ่น โดยอยู่สูงเหนือระดับทะเล 1592 เมตร มีขนาดเส้นรอบวงกว้างกว่า 120 กม. โดยภูเขามีลักษณะเป็นแอ่งกระทะ ซึ่งสามารถนั่งกระเช้าชมปากปล่องภูเขาไฟได้ด้วย โดยบริเวณรอบๆจะเต็มไปด้วยธรรมชาติ ทุ่งหญ้า ฝูงวัว และชนบทเล็กๆ ที่อาศัยบริเวณภูเขาอาโสะแห่งนี้ สำหรับการเดินทางมายังภูเขาไฟอาโสะนั้น สามารถนั่งรถไฟ JR Hohi Line จากสถานี คุมาโมโตะ ลงสถานี Aso ประมาณ 1 ชม. แล้วนั่งรถบัสต่อไปยังป้าย Aso-San ประมาณ 40 นาที ต่อด้วยกระเช้า Ropeway เพื่อชมปากปล่องภูเขาไฟ โดยมีค่าโดยสารไปกลับ 1200 เยน

สวนสนุกสไตล์ฮอลแลนด์เฮาเทนบอช (Huis Ten Bosch)

                สวนสนุกสไตล์ฮอลแลนด์ เป็นสวนสนุกที่อยู่ใกล้เมืองซาเซโบ (Sasebo) อยู่ในจังหวัดนางาซากิ โดยสวนสนุกแห่งนี้ออกแบบสถาปัตยกรรมแบบยุโรป อีกทั้งมีสวนดอกไม้ที่ปลูกแปรผลัดตามฤดูกาล ซึ่งได้จำลองสิ่งก่อสร้างและสวนดอกไม้ต่างๆ มีกังหันลมคล้ายประเทศเนเธอร์แลนด์ สวนสนุกแห่งนี้มีค่าเข้าชม 7000 เยน สำหรับการเดินทางมายังสวนสนุกสไตล์ฮอลแลนด์เฮาเทนบอช สามารถนั่งรถไฟ JR Limited Express “Huis Ten Bosch” จากสถานี Hakata ลงสถานี Huis Ten Bosch ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.



จุดชมวิวบนยอดเขาอินาสะ (Mount Inasa View Point)

         จุดชมวิวบนยอดเขาอินาสะ จะอยู่ในเมืองนางาซากิ (Nagasaki) ซึ่งสามารถขึ้นไปชมวิวบนยอดเขาได้ในยามค่ำคืน โดยยอดเขาแห่งนี้มีความสูงกว่า 333 เมตรจากระดับน้ำทะเล ในเวลาค่ำคืนนั้นจะสามารถเห็นแสงไฟระยิบระยับจากตึกราวบ้านช่องของเมืองนางาซากิ ซึ่งนับว่าเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามติดอันดับ 1 ใน 3 ของจุดชมวิวยามค่ำคืนที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น โดยการขึ้นไปชมวิวบนยอดเขาอินาสะนั้น สามารถนั่งกระเช้าไฟฟ้า (Nagasaki Ropeway) โดยมีค่าบริการไป-กลับ 1230 เยน สำหรับการเดินทางนั้นสามารถนั่งรถรางสาย 1 หรือ 3 ลงป้าย Takara-machi แล้วเดินไปสถานีเพื่อขึ้นกระเช้าไฟฟ้าได้เลยค่ะ

ซากปราสาทฟุกุโอกะ (Fukuoka Castle Ruins)

           ซากปราสาทฟุกุโอกะนั้น ตั้งอยู่ในสวนมาอิซูรู ในเมืองฟุกุโอกะ ซึ่งถูกสร้างในสมัยเอโดะ โดยโรดะ นากามาซะ ต่อมาในสมัยเมจิ ปราสาทแห่งนี้จึงถูกทำลายลงหลงเหลือเพียงซากปราสาทให้เห็นบางส่วน ไม่ว่าจะเป็นป้อมปราการ ซุ้มประตูทางเข้าต่างๆ บริเวณซากปราสาทแห่งนี้ยังมีต้นซากุระมากมายที่สวยงามเลยทีเดียว สำหรับการเดินทางมายังซากปราสาทฟุกุโอกะนั้นสามารถนั่งรถไฟใต้ดิน Kuko Line ลงสถานี Ohorikoen ได้เลยค่ะ

Fukuoka Tower

          ฟุกุโอกะทาวเวอร์เป็นหอคอยสูงกว่า 234 เมตร ซึ่งสร้างขึ้นในค.ศ. 1989 นับว่าเป็ยจุดชมวิวอีกแห่งหนึ่งที่สวยเลยทีเดียวในฟุกุโอกะ โดยสามารถเห็นวิวเมืองและอ่าวฮากาตะ แบบรอบทิศทาง 360 องศาเลยทีเดียวค่ะ โดยมีค่าเข้าชม 800 เยน สำหรับการเดินทางมายังฟุกุโอกะทาวเวอร์ สามารถนั่งรถไฟใต้ดินมาลงสถานีนิชิจิน (Nishijin) ทางออก 1 ได้เลยค่ะ



สวนสาธารณะริมน้ำ (Waterfront Park)

        สวนสาธารณะริมน้ำ ตั้งอยู่ในเมืองคาโงะชิมะ (Kagoshima) บริเวณริมอ่าวคินโกะ (Kinko Bay) อีกทั้งยังมีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำอิโอะ (IO World Kagoshima Suizokukan) ซึ่งนับว่าเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ค่ะ  นอกจากนี้ยังใกล้กับท่าเรือปลาโลมา (Dolphin port) เพื่อข้ามไปยังภูเขาไฟซากุระจิมะ สำหรับการเดินทางมายัง Waterfront Park นั้น สามารถนั่งรถบัส Kagoshima City View Bus สาย Waterfront ลงป้าย Kagoshima Suizokukan-Mae หรือ Dolphin Port-Mae ได้เลยค่ะ

สวนเซนกันเอ็น (Sengan-en)

                สวนเซนกันเอ็น มีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า Iso Teien ซึ่งอยู่ในเมืองคาโงะชิมา (Kagoshima) ซึ่งบริเวณนี้สามารถเห็นต้นซากุระหลากหลายพันธุ์ พร้อมกับภูเขาไฟซากุระจิมะ (Sakurajima) ซึ่งสวนแห่งนี้ถูกสร้างในสมัยเอโดะ ตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม โดยมีทั้งลำธาร สวนหิน สระน้ำ ซึ่งนับว่ากลายเป็นจุดยอดนิยมของนักท่องเที่ยวเลยก็ว่าได้ค่ะ โดยมีค่าเข้าชม 1000 เยน สำหรับการเดินทางมายังสวนเซนกันเอ็นนั้น สามารถนั่งรถบัส City View Bus ลงป้าย Sengenen-mae ได้เลยค่ะ

สะพานแว่นตาเมงะเนะบาชิ (Meganebashi Bridge)

                สะพานแว่นตาตาเมงะเนะบาชิ หรือมีอีกชื่อหนึ่งว่า สะพานมากาเนะบาชิ เป็นสะพานที่ตั้งอยู่ในเมืองนางาซากิ (Nagasaki) โดยเป็นสะพานหิน 2 ซุ้มโค้ง ที่มีลักษณะคล้ายรูปครึ่งวงกลม 2 วงติดกัน เมื่อสะท้อนภาพจากผิวน้ำ จึงคล้ายลักษณะแว่นตา ซึ่งสร้างในปี ค.ศ. 1634 เพื่อใช้ไว้ข้ามแม่น้ำนาคาจิมะ (Nakajima) ไปสู่วัดโคฟุคุจิ โดยนับว่าเป็นสะพานหินแห่งแรกของญี่ปุ่นเลยทีเดียวค่ะ สำหรับการเดินทางมายังสะพานแว่นตาเมงะเนะบาชินั้น สามารถนั่งรถรางสาย 4 หรือ 5 มาลงป้าย Kokaido-mae ได้เลยค่ะ

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้