รีวิวเที่ยวโกเบ : เวลาน้อยก็เที่ยวได้

Last updated: 15 ก.ค. 2563 | 5011 จำนวนผู้เข้าชม |

รีวิวเที่ยวโกเบ : เวลาน้อยก็เที่ยวได้

หากมาเที่ยวโกเบ สถานที่เที่ยวไม่ควรพลาดเลยก็คือภูเขาร็อคโคะค่ะ (Rokko) ก่อนที่เราจะไปร็อคโคะกัน เราจะต้องมีตั่วสำหรับเที่ยวเขาร็อคโกะกันก่อนค่ะ ซึ่งสามารถหาซื้อได้ที่ Hankyu Tourist information บริเวณใกล้สถานี OSAKA ค่ะ บัตรนี้มีดีอย่างไรเอ่ย? สามารถนั่งรถบัส เคเบิ้ลคาร์ และรถบัสบนเขาร็อคโกะได้แบบไม่จำกัดจำนวนครั้งเพื่อที่จะไปยังเขาร็อคโกะ หากมีบัตรนี้นับว่าคุ้มทีเดียวค่ะ ซึ่งมีราคาเพียง 1,200 เยนเท่านั้นค่ะ ซึ่งจะราคาถูกกว่าไปซื้อหน้างานนะคะ

หลังจากที่ฟูได้ซื้อตั่วกันแล้ว ฟูก็เริ่มนั่งรถไฟนั่งจากจากโอซาก้านะคะ ซึ่งสามารถนั่ง JR Tokaido-Sanyo Line จากสถานี Osaka Staion มาลงสถานี Rokkomichi Station ใช้เวลาเพียง 25 นาทีเท่านั้นค่ะ หากไม่มีบัตร JR kansai wild pass หรือ JR pass จะเสียค่าเดินทาง 410 เยนค่ะ

หลังจากนั้นเราก็เดินออกมาหน้าสถานีจะเห็นรถบัสจอดมากมาย แต่รถบัสที่จะไปยังเคเบิ้ลคาร์ (Rokko Cable Shita Station) คือรถบัสหมายเลข 16 ค่ะ

ซึ่งนั่งยาวไปยังป้ายสุดท้ายเลยนะคะ (Tsurukabuto 4-chome Bus Stop) เมื่อถึงป้ายสุดท้ายแล้ว ก็ข้ามถนนไปยังจุดขึ้นเคเบิ้ลคาร์ที่ Rokko Cable Shita Station

หน้าสถานี Rokko Cable Shita Station

ใครยังไม่มีตั๋วก็สามารถมาแวะซื้อเคาเตอร์นี้ได้นะคะ ค่ารถรางไปกลับ 1,000 เยนค่ะ หากใครยังไม่ได้ซื้อตั๋วมานะคะ

นี่ฟูก็กำลังรอเคเบิ้ลคาร์เพื่อขึ้นไปยังเขาร็อคโคะนะคะ

แวะถ่ายรูปกันซะหน่อย โชดดีที่ได้ยืนบนหน้าสุดค่ะ เจ้าหน้าที่หน้ารักมากค่ะ บอกจะถ่ายรูปให้เองด้วย

ระหว่างทางที่ขึ้นเขาร็อคโคะก็จะผ่านอุโมงค์หลายแห่งเลย จุดไฮไลท์คือทางแยกระหว่างเวลาขึ้นกับลงเคเบิ้ลคาร์ที่เหมือนกะเวลาพอดีกันเลยค่ะ ให้รถไฟไม่ชนกัน

เมื่อเราขึ้นจากเคเบิ้ลคาร์ เราจะเห็นเห็นเคาเตอร์และเดินออกไป จะเห็นป้ายต่างๆนั้น เพื่อบอกทางให้เราทราบว่าจุดต่างๆที่ไปนั้นจะใช้เวลากี่นาที

ด้านหน้าสถานีจะมีรถบัสสีเขียวและสีแดงจอดรออยู่ค่ะ ซึ่งรถจะออกตามเวลานะคะ เราสามารถขึ้นสีเขียวหรือสีแดงได้เลย จะขับวนไม่เหมือนกัน ซึ่งดูได้จากป้ายที่บอกทางค่ะ

จุดหมายแรกที่ไปคือ พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี Rokko International Musical Box Museum เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงกล่องดนตรีขนาดใหญ่ซึ่งสร้างในอเมริกาและยุโรปในช่วงศตวรรษที่ 19-20 ซึ่งถือว่าเป็นของเก่าแก่ที่หายากมากค่ะ แต่จะเปิดให้เข้าชมได้เพียงเวลา 10.00-17.00 น.เท่านั้นนะคะ เสียค่าเข้าชม 1,030 เยนค่ะ แต่ฟูมาถึงช้าไปเลยอดค่ะ เหอะๆ เสียดายจัง!

เราเลยเดินทางกันต่อเลยที่ Rokko Garden Terrace เพื่อไปชมพระอาทิตย์กำลังจะตกดินนะคะว่าจะสวยแค่ไหน

ถึง Rokko Garden Terrace แล้ว บริเวณนี้คนชอบมาชมวิวเพื่อดูวิวหลักล้านกันค่ะ ซึ่ง

ภูเขารอคโคะ (Mount Rokko) ตั้งอยู่ในเมืองโกเบ (Kobe) จังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo) ซึ่งมีความสูงถึง 931 เมตรจากระดับน้ำทะเล จึงทำให้ภูเขารอคโคะแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในบรรดาเทือกเขารอคโคะทีเดียวนะคะ บนยอดเขาสามารถเห็นทัศนียภาพที่สวยงามนอกเมืองโกเบได้เลยค่ะ ใครมาที่นี้เปรียบเหมือนเราได้เห็นวิวหลักล้านทีเดียวค่ะ จุดชมวิวนี้ถือว่าเป็นจุดชมวิวยามค่ำคืนที่สวยที่สุด 1 ใน 3 ของญี่ปุ่นเลยค่ะ สวยงามโรแมนติดมาก แต่ขอบอกนะคะหากใครมาช่วงพระอาทิตย์ตกดินจะยิ่งโรแมนติกมากๆค่ะ

ว้าวๆ สวยจังเลย แวะถ่ายรูปสวยๆสักหน่อย

นี่พระอาทิตย์ก็ตกดินแล้ว

ถ่ายรูปรัวๆกับวิวหลักล้านสักหน่อยค่ะ

มาๆ ฟูจะพาไป Rokko Shidare Observation Platfrom ที่นี้ปิดถึง 21.00 น.ค่ะ อยู่ใกล้บริเวณที่เราชมวิวกันค่ะ สามารถเดินได้

จะเข้าไปดูข้างในก็ต้องแวะซื้อตั๋วก่อนนะคะ ซึ่งมีราคา 210 เยนต่อคนค่ะ

นี่ได้ตั๋วกันแล้วเราก็แวะเข้าไปดูข้างในเลย

Rokko Shidare Observation Platfrom เป็นสถาปัตยกรรมที่มีลักษณะเป็นโครงสร้างเหล็กรูปหกเหลี่ยมซ้อนกันเป็นตาข่ายตั้งโดดเด่น ออกแบบโดยสถาปนิกชาวญี่ปุ่นค่ะ ซึ่งมีชื่อว่า Hiroshi Sambuichi ในเวลากลางคืนเปิดไฟได้สวยงามมากค่ะ

เรามาสำรวจข้างในกันนะคะว่ามีอะไรบ้าง

ข้างในจะเป็นทางให้เราเดินวน ซึ่งสามารถชมวิวได้อีกที่เหมือนกัน แต่ฟูคิดว่ามองวิวตรงนี้อาจไม่สวยเท่าจากวิวจุดที่ชมจากระเบียง Rokko Garden Terrace นะคะ

เราก็เดินวนสำรวจจนมาถึงชั้นล่างค่ะ

หลังจากที่เราชื่นชมบรรยากาศความสวยงามในเขาร็อคโกะแล้ว เราก็แวะไปกินอาหารแถวนี้ก่อนที่จะไปกันต่อนะ

จุดหมายต่อไปคือเราจะไปยัง โกเบ ฮาร์เบอร์แลนด์ (Kobe Harborland) ซึ่งเรากลับทางเดิมเลยนะคะเพื่อไปลงสถานีรถไฟ Rokkomichi Station แล้วนั่งรถไฟ JR Tokaido-Sanyo Line จากสถานี Rokkomichi Station มาลงสถานี Kobe Station ใช้เวลาเพียง 12 นาทีเท่านั้นค่ะ หากไม่มีบัตร JR kansai wild pass หรือ JR pass จะเสียค่าเดินทาง 180 เยนค่ะ

นี่ฟูก็ถึงสถานี Kobe Station กันแล้วนะคะ เราก็เดินกันต่อค่ะ

อันนี้ฟูเดินผ่านร้าอาหารตลอดทางเลย

หลังจากเราเดินออกจากตึก เราก็เดินผ่านทางเดินที่เต็มไปด้วยการประดับประดาของระยิบระยิบตลอดทางเดิน โรแมนติกมากๆค่ะ

มองๆไกลๆสามารถเห็นชิงช้าสวรรค์ได้เลยนะคะ

แวะถ่ายรูประหว่างทางสักหน่อย

โกเบฮาร์เบอร์แลนด์ อยู่บริเวณท่าเรือโกเบค่ะ บริเวณนี้จะเป็นแหล่งรวมช้อปปิ้งและความบันเทิงที่หลากหลายเลยค่ะ มีทั้งร้านกาแฟ ร้านอาหาร ร้านค้ามากมาย และสวนสนุก ยิ่งตอนกลางคืนจะยิ่งมีสีสันมากทีเดียว ประกอบอยู่ใกล้ริมแม่น้ำให้บรรยากาศยิ่งชิวเข้าไปอีกค่ะ

นั่งชมวิวแถวนี้ชิวมากๆเลยค่ะ

เมื่อเราอยู่บริเวณท่าเรือโกเบ เราก็สามารถเห็น โกเบ พอร์ต ทาวเวอร์ (Kobe Port Tower) ได้เลยนะคะ หากใครต้องการไปยัง โกเบ พอร์ต ทาวเวอร์ (Kobe Port Tower) สามารถเดินจากโกเบ ฮาร์เบอร์แลนด์ (Kobe Harborland) เพียง 1 กม.เท่านั้นใช้เวลาประมาณ 15 นาทีค่ะ หรือนั่งรถไฟ JR (Tokaido-Sanyo Line) มาลงสถานี สถานี Motomachi เพียง 5 นาทีเท่านั้นค่ะ(130 เยน) หากใช้บัตร JR kansai wild pass ไม่เสียค่าใช้จ่ายค่ะ

โกเบ พอร์ต ทาวเวอร์ (Kobe Port Tower) เป็นหอชมวิวที่สร้างมาจากท่อค่ะ มีลักษณะคล้ายกลองญี่ปุ่นแบบยาว โครงสร้างแบบไฮเพอร์โบลา จึงมีลักษณะเฉพาะพิเศษที่สุดในโลก จึงได้รับฉายาว่า “ความสวยของหอคอยโลหะ”

แต่ฟูเลือกนั่งมองวิวชิวๆแถวนี้ค่ะ

นี่คือวิวรอบๆที่เราสามารถมองเห็นจากจุด โกเบ ฮาร์เบอร์แลนด์ (Kobe Harborland) ได้เลยนะคะ

หิวกันอีกแล้ว แวะเดินตลาดกันก่อน เต็มไปด้วยร้านอาหาร ร้านค้ามากมายค่ะ

ขนมร้านนี้เค้าบอกอร่อย มาลองชิมสักหน่อยซิ

เราก็ซื้อมากินแถวระเบียงกันนะคะ

หลังจากที่เราแวะเวียนนั่งชิวกินอาหาร มองวิวสุดโรแมนติกก็ได้เวลาเดินทางกลับ OSAKA กันแล้วค่ะ หากใครต้องการดูรีวิวอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับเที่ยวรอบบริเวณ OSAKA ก็ติดตามกันต่อได้เลยนะคะ

-           รีวิวเที่ยวโอซาก้า OSAKA 1 วัน

-           รีวิวเที่ยวนารา (Nara)

-           รีวิวเที่ยววะกะย่ามา (Wakayama)

-           รีวิวเที่ยวทตโตริ (Tottori)

-           รีวิวเทียวเกียวโต (Kyoto)

คลิปรีวิวเที่ยวโกเบ (Kobe)